8 วัสดุท็อปครัว เลือกยังไงให้เข้ากับเรา

8 วัสดุท็อปครัว เลือกยังไงให้เข้ากับเรา

 

1.ท็อปลามิเนต (HPL หรือ High-Presure Laminate)

ท็อปลามิเนต เป็นท็อปที่นำแผ่นลามิเนต มากรุลงบนแผ่นไม้อัด เป็นท็อปราคาประหยัดที่สุด และยังทนทานการใช้งาน

 

ข้อดี

  • ราคาประหยัด
  • ทำความสะอาดง่าย
  • ผิวเคลือบไม่มีรูพรุน และทนทานพอสมควร

 

ข้อจำกัด

  • เนื้อวัสดุมีโอกาสบวมหากโดนน้ำ
  • ผิวหน้าไม่ทนความร้อน
  • ปลวกกินได้ 

 

2. ท็อปหินอ่อน (Marble)

 

ท็อปหินอ่อน เป็นท็อปหินธรรมชาติที่มีลวดลายโดดเด่น สวยงาม สะดุดตามากที่สุด แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดค่อนข้างมาก คือ มีเนื้อหิน อ่อน มีรูพรุนเยอะ จึงไม่ทนต่อกรด เช่น น้ำมะนาว น้ำส้มสายชู และยังซึมน้ำ จึงไม่นิยม และไม่เหมาะกับการใช้งานในห้องครัว

 

ข้อดี

  • เป็นวัสดุจากธรรมชาติ
  • ลวดลายสวยงาม มีเอกลักษณ์

ข้อจำกัด

  • ถูกกัดกร่อนได้ง่ายมาก เช่น จากน้ำมะนาว น้ำส้มสายชู ซึ่งจะทำให้เกิดรอยด่างถาวรได้
  • เกิดคราบถาวรได้ง่ายมาก เช่น คราบจากไวน์ หรือของเหลวอื่นๆ
  • อาจเป็นที่อยู่ของสิ่งสกปรก เพราะมีรูพรุนในเนื้อหินมาก ของเหลวต่างๆจึงซึมเข้าไปได้ง่าย
  • เปราะ/แตกได้ง่ายกว่าหินชนิดอื่น

 

 

*ถ้าเราชื่นชอบลวดลายของหินอ่อน สามารถเลือกใช้ท็อปหินควอทซ์ หรือ ท็อปลามิเนต ซึ่งมีลวดลายคล้ายหินอ่อน และยังเหมาะสมกับการใช้งานในครัวมากกว่าอีกด้วย

 


 

3. ท็อปหินแกรนิต (Granite)

หินแกรนิต เป็นหนึ่งในวัสดุที่นิยมนำมาทำเป็นท็อปห้องครัว เนืองจาก มีความสวยงามตามธรรมชาติ มีลายที่ไม่ซ้ำกัน และยังทนทานอีกด้วย 

ข้อดี

  • เป็นวัสดุจากธรรมชาติ 100%
  • ทนทาน ไม่แตกหรือบิ่นได้ง่าย
  • ทนทานต่อรอยขีดข่วน
  • สีสันไม่ซีด ไม่จาง เพราะเป็นสีของเนื้อหินธรรมชาติ

 

ข้อจำกัด 

  • ซึมน้ำได้ เพราะมีรูพรุนในเนื้อหิน แต่ก็ไม่ได้ซึมมากเท่ากับหินอ่อน 
  • มีสีสันและลวดลายจำกัด เช่น ไม่มีสีขาวล้วนให้เลือกใช้

  


 

 4. ท็อปเซรามิค (Porcelain Worktop) 

เซรามิคเป็นวิสดุที่ได้รับความนิยมสูง ทั้งเป็นกระเบื้องพื้น กระเบื้องผนัง เพราะมีข้อดีหลายอย่างและราคาไม่สูงจนเกินไป สำหรับห้องครัวก็มีท็อปเซรามิคเช่นกันในแบรนด์ Cotto รุ่น Grande Collection ซึ่งทำมาสำหรับใช้เป็นท็อปโดยเฉพาะ จึงมีความยาวมากถึง 2.40-3.2 เมตรต่อแผ่น ทำให้มีรอยต่อน้อยกว่า งานจึงสวยกว่าการใช้กระเบื้องทั่วไป  

ข้อดี

  • ราคาเริ่มต้นไม่สูง ทำให้สามารถคุมงบได้
  • น้ำไม่ซึม เพราะมีรูพรุนในเนื้อวัสดุน้อยมาก จึงไม่สามารถเป็นที่อยู่ของแบคทีเรียได้
  • ทนทานต่อรอยขีดข่วน
  • ทนทานต่อแสง UV
  • มีสีสันตามสมัยนิยมให้เลือกใช้ เช่น ลายหินอ่อน Statuario, Marquina

 

ข้อจำกัด

  • ไม่เหมาะกับการทำท็อปแบบวางชั้นเดียว เพราะเนื้อเซรามิคจะมีสีสันที่ไม่เหมือนกับหน้าหิน
  • เสี่ยงต่อการแตก ระหว่างการติดตั้ง เนื่องจากการตัด หรือเจาะเนื้อหิน 

 

5. ท็อปหินสังเคราะห์ (Quartz, Engineering Stone)

ท็อปหินควอทซ์ เป็นท็อปประเภทหินสังเคราะห์ เกิดจากแร่หินควอทซ์ ผสมกับเรซิน ผลิตขึ้นมาเพื่อลดข้อจำกัดของหินที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ดังนั้น ท็อปหินควอทซ์ จึงมีความทนทานมาก มีความแข็งในระดับเกือบเทียบเท่าเพชร ไม่มีรูพรุน จึงไม่มีโอกาสซึมน้ำ และแบคทีเรียไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ แบรนด์ชั้นนำของหินควอทซ์ เช่น Silestone และ Caesarstone

ควอทซ์ปัจจุบัน มีลวดลายที่สวยงาม ตามแต่ละผู้ผลิต อีกทั้งยังมีลวดลายที่ทำให้ดูคล้ายหินอ่อนธรรมชาติ เพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบหินอ่อนได้เลือกใช้ 

 

ข้อดี 

  • สะอาด ดีต่อสุขภาพ เพราะไม่มีรูพรุน แบคทีเรียจึงไม่สามารถเข้าไปอาศัยอยู่ได้ 
  • เป็นรอยยาก ทนต่อการขีดข่วน เพราะมีความแข็งในระดับ 8H
  • มีลวดลายให้เลือกหลากหลาย สวยงาม และยังมีลวดลายคล้ายหินอ่อนให้เลือก
  • ผ่านการรับรองความปลอดภัยในการสัมผัสอาหารโดยตรง (เฉพาะบางแบรนด์ เช่น Caesarstone, Silestone)

 

ข้อจำกัด

  • ราคาสูง
  • มีโอกาสเปลี่ยนสีได้ หากถูกแสงแดด หรือ UV เป็นประจำ เนื่องจากใช้สีสังเคราะห์ในการผลิต

 

 


 

6. ท็อปอะครีลิค (Acrylic / Solid-Surface)

ท็อปอะครีลิค เป็นท็อปหินสังเคราะห์อีกประเภทหนึ่ง มีชื่อเรียกอีกอย่าง ว่า "Solid Surface Worktop" ท็อปประเภทนี้มีข้อดีคือ สามารถดัดให้โค้งได้ สามารถใช้เทคนิคพิเศษในการประสานรอยต่อ ทำให้ดูเรียบเนียน ไม่เห็นรอยต่อ และยังไม่มีรูพรุน ทำให้ไม่ซึมน้ำ และมีคุณสมบัติป้องกันแบคทีเรีย แบรนด์ชั้นนำสำหรับท็อปอครีลิค เช่น Corian, LG Himacs, Samsung Staron

ข้อดี

  • ดัดให้โค้งงอได้
  • ดูเรียบเนียนไร้รอยต่อ เพราะสามารถประสานรอยต่อด้วยน้ำยาพิเศษ
  • ของเหลวไม่ซึม จึงสะอาด ปลอดภัย และไม่เป็นที่อยู่อาศัยของแบคทีเรีย
  • หากเกิดรอยขีดข่วนบนหน้าท็อป สามารถขัดใหม่เพื่อลบรอยได้ (ต้องทำโดยช่างที่เชี่ยวชาญเท่านั้น)

 

ข้อจำกัด

  • มีราคาสูง
  • เป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย
  • มีโอกาสเปลี่ยนสีหากโดนแสงแดดส่องเป็นประจำ

 


  

 7. ท็อปหินสังเคราะห์ PYROLITHIC (GEOLUXE)

 

GEOLUXE® เป็นท็อปหินสังเคราะห์ ที่นำกระบวนการสร้างหินของธรรมชาติมาใช้และเร่งปฏิกริยา โดยใช้วัตถุดิบจากแร่ธาตุเหมือนที่มีในหินจริงๆ มาผลิตด้วยเทคนิคพิเศษ จนเป็นหินสังเคราะห์ชนิดใหม่ และใช้ความสวยงามของหินและวัสดุธรรมชาติมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างลวดลาย จนได้เป็นหินแบบใหม่ที่มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์

 

ข้อดี

  • ไม่ซึมซับของเหลว จึงสะอาดกว่า ไม่เป็นที่อยู่ของแบคทีเรีย
  • ทนทานต่อรอยขีดข่วน
  • ทนทานต่อแสง UV และอุณหภูมิสูง
  • ผ่านการรับรองความปลอดภัยในการสัมผัสอาหาร จาก NFS สหรัฐอเมริกา

 

ข้อจำกัด

  • ราคาสูง
  • มีความเปราะ หากโดนกระแทก อาจบิ่น หรือแตกได้

 

 8. ท็อปไม้ธรรมชาติ (Natural Wood)

ท็อปไม้ธรรมชาติ คือท็อปที่ทำมาจากไม้จริง เช่น ไม้สัก ไม้โอ๊ค นำมาประสานด้วยความปราณีต ทำให้ได้ท็อปที่สวยงาม มีความเป็นธรรมชาติ และมีเอกลักษณ์และเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร 

 

ข้อดี

  • สวยงาม มีลวดลายตามธรรมชาติ จึงมีเอกลักษณ์และเสน่ห์เฉพาะตัว
  • มีคุณค่ามากขึ้นตามกาลเวลา
  • หากมีรอยขีดข่วน สามารถขัดออกได้

 

ข้อจำกัด

  • มีราคาสูง 
  • ไม่เหมาะกับการใช้งานในครัวหนัก
  • ยังมีการหดและขยายตัวได้ตามธรรมชาติของไม้ 
  • ต้องการการดูแลรักษามากกว่าท็อปชนิดอื่นทั้งหมด เช่น ควรขัดและลงน้ำมันทุกปี

  


 

 คำแนะนำจากโฮมมีคิช

ถ้าเรามีงบประมาณจำกัด ท็อปลามิเนตแบบ HPL ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานแล้ว แต่ถ้าหากสามารถเพิ่มงบได้อีกนิด ก็สามารถเปลี่ยนไปใช้ท็อปเซรามิคได้ ซึ่งความหนาเริ่มต้นที่ 9 มม. จะมีราคาสูงกว่าลามิเนตนิดเดียวแต่ได้คุณสมบัติที่กันน้ำ กันปลวก และไม่มีรูพรุน แต่ถ้างบประมาณไม่ใช่ข้อจำกัด โฮมมีคิชแนะนำให้ใช้หินควอทซ์ไปเลย ซึ่งจะแข็งแรง ทนทาน ไร้รอยขีดข่วนและไร้รูพรุน หรือถ้าชอบแนววินเทจ เลือกท็อปไม้ธรรมชาติก็จะช่วยให้ครัวของเราสวยไม่เหมือนใคร แถมได้ฟีลวินเทจไปเต็มๆจ้า

 

บทความ สาระดีๆเกี่ยวกับบ้านและห้องครัว

Visitors: 88,496